
จากพ่อพันธุ์สู่น้ำเชื้อ เส้นทางในการเพิ่มผลผลิตอย่างก้าวกระโดด “เทคนิคการเตรียมน้ำเชื้อที่ดี”
ต่อจากบทความที่แล้วเรื่อง “เคล็ดไม่ลับการเลี้ยงพ่อหมูอย่างมีคุณภาพ” ได้อธิบายถึง การคัดเลือกหมูหนุ่มมาเป็นพ่อพันธุ์ การจัดการและสิ่งแวดล้อมภายในโรงเรือนพ่อพันธุ์ เพื่อให้พ่อพันธุ์ในฟาร์มมีคุณภาพที่ดีขึ้น ดังนั้นในบทความนี้ทางแอมโก้ เวท จะมาแนะเทคนิคการเตรียมน้ำเชื้อที่ดีมีคุณภาพ เริ่มตั้งแต่การฝึกรีดน้ำเชื้อของพ่อหนุ่ม ถัดมาจะเป็นวิธีการรีดเก็บน้ำเชื้อ จนไปถึงขั้นตอนในการตรวจสอบคุณภาพน้ำเชื้อทางห้องปฏิบัติการเพื่อการผลิตน้ำเชื้อที่มีคุณภาพดี นำไปสู่การก้าวกระโดดในการเพิ่มประสิทธิภาพผลผลิตในฟาร์ม
เทคนิคการฝึกรีดน้ำเชื้อของพ่อพันธุ์
การรีดน้ำเชื้อพ่อพันธุ์อย่างถูกต้องและเหมาะสมส่งผลต่อคุณภาพของน้ำเชื้อ ซึ่งก่อนที่เราจะรีดน้ำเชื้อพ่อพันธุ์ได้นั้น เราต้องเริ่มจากการฝึกพ่อหนุ่มรีดน้ำเชื้อก่อน โดยก่อนเริ่มฝึกจะต้องแยกพ่อหนุ่มไปยืนซองเดี่ยวเป็นเวลาอย่างน้อย 14 วัน และควรรอให้พ่อพันธุ์เข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ก่อนจะเริ่มฝึกรีด เพื่อประสิทธิภาพที่ดีและอายุการใช้งานที่ยืนยาว โดยทั่วไปแล้วอายุที่เข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ขึ้นอยู่กับพ่อพันธุ์แต่ละตัว สำหรับพ่อพันธุ์แท้ มักจะเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ที่อายุประมาณ 6-7 เดือน (24-28 สัปดาห์) หลังจากฝึกรีดแล้วต้องมีการตรวจคุณภาพน้ำเชื้อทางห้องปฏิบัติการก่อนทุกครั้งเพื่อรับรองว่าน้ำเชื้อจากพ่อตัวนั้นมีคุณภาพดีเพียงพอที่จะนำมาใช้งาน
เคล็ดลับในการฝึกรีดน้ำเชื้อ
-
ฝึกรีดน้ำเชื้อพ่อหนุ่มวันละ 1 ครั้ง ครั้งละ 10-15 นาที
-
เว้นระยะห่างในการฝึก 1-2 วัน
-
โรยอาหารบนดัมมี่เพื่อดึงดูดความสนใจของพ่อพันธุ์
-
ลดพื้นที่รอบดัมมี่ โดยอาจใช้กระดานหรือไม้กั้น เพื่อดันตัวพ่อพันธุ์ให้ขึ้นดัมมี่โดยง่าย
การเตรียมตัวก่อนการรีดเก็บน้ำเชื้อ
พ่อพันธุ์ที่จะรีดน้ำเชื้อนั้น ควรผ่านการฝึกรีดน้ำเชื้อและตรวจคุณภาพน้ำเชื้อ โดยก่อนการรีดน้ำเชื้อนั้น เราควรเตรียมพื้นที่ในการรีดน้ำเชื้อ และเตรียมอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับรีดน้ำเชื้อให้พร้อม ดังนี้
การเตรียมพื้นที่รีดน้ำเชื้อ
-
หุ่นรีดน้ำเชื้อหรือดัมมี่: ควรจะสามารถปรับระดับความสูงให้เหมาะสำหรับพ่อพันธุ์แต่ละตัวได้ และมีราวกั้นป้องกันพ่อพันธุ์ลื่นและลดโอกาสที่ผู้รีดน้ำเชื้อจะได้รับบาดเจ็บขณะรีดน้ำเชื้อ
-
พื้นคอกรีดต้องไม่ลื่น พ่อพันธุ์ขึ้นดัมมี่ได้ง่าย และปูวัสดุรองพื้นเพื่อกันลื่น เช่น ผ้ากระสอบ เป็นต้น
การเตรียมอุปกรณ์รีดน้ำเชื้อ
-
ถุงมือยางไวนิลแบบใช้แล้วทิ้ง หลีกเลี่ยงการใช้ถุงมือยางแบบมีแป้ง เนื่องจากถุงมือแบบมีแป้งจะทำให้อสุจิตายได้
ควรสวมถุงมือ 2 ชั้น
-
กระบอกรีดน้ำเชื้อที่สามารถควบคุมอุณหภูมิได้ ใส่ถุงพลาสติกลงในกระบอกรีดน้ำเชื้อ และวางแผ่นผ้าก๊อซ 2 ชั้น บนปากกระบอกรีดน้ำเชื้อ เพื่อช่วยกรองส่วนเม็ดสาคูไม่ให้ลงไปปนเปื้อนกับน้ำเชื้อ
-
เตรียมอุปกรณ์อื่นๆ ได้แก่ เทอร์โมมิเตอร์ สมุดบันทึก ผ้าสำหรับเช็ดทำความสะอาด และถุงขยะสำหรับทิ้งถุงมือที่ใช้แล้ว
-
กล่องอุปกรณ์เตรียมไว้สำหรับการรีดแต่ละครั้ง เพื่อให้ง่ายต่อการเคลื่อนย้ายและการหยิบใช้ง่ายในพื้นที่การรีด
การรีดน้ำเชื้อ
1. ขั้นตอนแรกเริ่มจากการนำดัมมี่เข้าไปในคอกพ่อพันธุ์
-
-
ควรรีดน้ำเชื้อในคอกของพ่อพันธุ์ตัวนั้น ๆ เพื่อความสะดวกและลดความเครียดของพ่อพันธุ์ ดัมมี่ควรถูกออกแบบให้เคลื่อนย้ายได้ง่าย และควรวางไว้ใกล้ประตูคอกเพื่อความสะดวกในการนำเข้า-ออก คอกพ่อพันธุ์ควรมีพื้นที่เพียงพอสำหรับการขึ้นและลงของดัมมี่
-
2. ก่อนเริ่มการเก็บน้ำเชื้อ ต้องมีการบีบนวดหนังหุ้มอวัยวะเพศของพ่อพันธุ์เพื่อเอาปัสสาวะออกและขจัดสิ่งสกปรก จากนั้นถอดถุงมือชั้นแรกออก แล้วเปลี่ยนถุงมือใหม่อีกครั้ง
3. กระตุ้นให้อวัยวะเพศแข็งตัวและยื่นออกมา เมื่อพ่อพันธุ์เริ่มเกร็ง ให้รอประมาณ 5-8 วินาที
4. จากนั้นใช้กระบอกรีดน้ำเชื้อที่เตรียมไว้ โดยสวมถุงมือสะอาดและนำกระบอกมารองรับน้ำเชื้อใต้อวัยวะเพศ
-
ให้ปล่อยน้ำเชื้อส่วนแรกที่เป็นน้ำปัสสาวะและน้ำเชื้อใสทิ้งไป เก็บเฉพาะน้ำเชื้อส่วนหลัง และยกอวัยวะเพศของพ่อพันธุ์ให้สูงเพื่อช่วยป้องกันการปนเปื้อน โดยทั่วไปพ่อพันธุ์ใช้เวลาประมาณ 8-10 นาทีในการหลั่งน้ำเชื้อ
ซึ่งในช่วงสุดท้ายจะมีลักษณะเป็นเจลลาตินหรือเม็ดสาคู
5. หลังจากการเก็บน้ำเชื้อเสร็จเรียบร้อย ควรให้อาหารพ่อพันธุ์ และทำความสะอาดอุปกรณ์ที่ใช้ในการรีดน้ำเชื้อให้พร้อมสำหรับการใช้งานครั้งถัดไป เพื่อรักษาความสะอาดและคุณภาพน้ำเชื้อ
ทำแผนการรีดเก็บน้ำเชื้อของพ่อพันธุ์แต่ละตัวให้เหมาะสม โดยดูจากจำนวนตัวอสุจิและคุณภาพของน้ำเชื้อ
การทดสอบคุณภาพน้ำเชื้อทางห้องปฏิบัติการ
หลังจากการรีดน้ำเชื้อควรมีการตรวจเช็คคุณภาพน้ำเชื้อก่อนนำมาใช้อยู่เสมอ โดยควรจะตรวจคุณภาพของน้ำเชื้อทันทีหลังรีดภายใน 20 นาที และควรแยกบริเวณระหว่างโรงเรือนพ่อพันธุ์และห้องตรวจปฏิบัติการออกจากกัน
การตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำเชื้อเป็นกระบวนการสำคัญที่ช่วยประเมินความสมบูรณ์ของน้ำเชื้อ เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพก่อนนำไปใช้งาน เริ่มต้นด้วยการตรวจสอบด้วยตาเปล่า น้ำเชื้อที่ปกติควรมีสีขาวน้ำนมหรือเหลืองอ่อน หากพบว่าน้ำเชื้อมีสีแดงหรือเหลือง อาจเกิดจากการปนเปื้อนเลือดหรือปัสสาวะ นอกจากนี้ การตรวจสอบกลิ่นก็มีความสำคัญ น้ำเชื้อไม่ควรมีกลิ่นปัสสาวะหรือกลิ่นผิดปกติใด ๆ
หลังจากการตรวจเบื้องต้นจะมีการตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ โดยเน้นการวิเคราะห์รูปร่างของอสุจิที่มีลักษณะสมบูรณ์ ไม่มีหางบิดงอ หางแยกเป็นสองแฉก หรือมีหยดน้ำติดอยู่บนหัวและหางของอสุจิ ร่วมกับการประเมินการเคลื่อนที่ไปข้างหน้าของอสุจิสามารถทำได้โดยการสังเกตด้วยตาเปล่า หากอสุจิอย่างน้อย 70% เคลื่อนที่ไปข้างหน้า น้ำเชื้อจะถือว่ามีคุณภาพดี หรืออาจใช้เครื่องมือ CASA system ในการคำนวณเพื่อความแม่นยำ
ความเข้มข้นของอสุจิจะถูกตรวจสอบโดยเครื่อง colorimeter หรือ photometer เพื่อคำนวณจำนวนโด๊สน้ำเชื้อที่สามารถผลิตได้ในแต่ละครั้ง หลังการตรวจวิเคราะห์ให้บันทึกข้อมูลต่าง ๆ ได้แก่ ชื่อพ่อพันธุ์ หมายเลขประจำตัว วันที่และเวลาในการรีดน้ำเชื้อ ปริมาตรน้ำเชื้อ และผลการตรวจในระบบเพื่อติดตามและจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ
การผลิตน้ำเชื้อสำหรับผสมเทียม
หลังจากน้ำเชื้อผ่านการตรวจวิเคราะห์คุณภาพแล้ว จะถูกนำมาเจือจางด้วยสารละลายน้ำเชื้อหรือเอกซ์เทนเดอร์ เพื่อเพิ่มปริมาตรน้ำเชื้อให้เพียงพอต่อการผสมพันธุ์แม่สุกร อีกทั้งยังช่วยเพิ่มอายุการใช้งานของอสุจิ น้ำเชื้อที่เจือจางแล้วควรมีความเข้มข้นของอสุจิอย่างน้อย 2-3 พันล้านตัว โดยขั้นตอนการเจือจางและการจัดการมีดังนี้
1. เริ่มจากการละลายสารละลายน้ำเชื้อ (เอกซ์เทนเดอร์) กับน้ำกลั่นในภาชนะ
2. อุ่นสารละลายน้ำเชื้อ (เอกซ์เทนเดอร์) ในอ่างน้ำร้อนที่อุณหภูมิ 30-35 องศาเซลเซียส เป็นเวลาอย่างน้อย 15 นาทีหรือจนกว่าสารละลายจะละลายอย่างสมบูรณ์
3. เมื่อเตรียมสารละลายเสร็จ แนะนำให้นำน้ำเชื้อที่เพิ่งรีดมา เทลงในสารละลายเพื่อป้องกันไม่ให้อสุจิตาย และสารละลายที่เตรียมไว้ควรจะมีอุณหภูมิใกล้เคียงกันกับน้ำเชื้อ (โดยปกติน้ำเชื้อที่พึ่งรีดมาจะมีอุณหภูมิใกล้เคียงกับอุณหภูมิร่างกายของพ่อสุกรที่ 35-37 องศาเซลเซียส)
4. เมื่อน้ำเชื้อถูกเจือจางแล้ว ควรตรวจสอบคุณภาพและทดสอบการมีชีวิตของอสุจิ เพื่อให้แน่ใจว่าน้ำเชื้อมีคุณภาพดี ก่อนนำไปบรรจุในภาชนะสำหรับการผสมเทียม เช่น ขวดหรือถุงพลาสติก เป็นต้น โดยกำหนดปริมาณน้ำเชื้อประมาณ
80-85 มิลลิลิตรต่อโด๊ส
5. ก่อนใช้น้ำเชื้อทุกครั้ง ควรมีการตรวจสอบคุณภาพอีกครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าน้ำเชื้อยังคงมีคุณภาพดีและพร้อมสำหรับการผสมเทียม
การเก็บรักษาน้ำเชื้อ
สำหรับการเก็บรักษาน้ำเชื้อ ควรเก็บในตู้ที่สามารถรักษาอุณหภูมิ 16-18 องศาเซลเซียส และปฏิบัติตามข้อควรระวัง ได้แก่
-
หลีกเลี่ยงการอุ่นหรือแช่เย็นน้ำเชื้อก่อนใช้งาน
-
ระวังไม่ให้น้ำเชื้อโดนแสงแดดโดยตรง
-
ในระหว่างวันควรพลิกกลับภาชนะบรรจุ 1-2 ครั้ง เพื่อกระตุ้นการเคลื่อนไหวของน้ำเชื้อ
-
ควรทดสอบคุณภาพน้ำเชื้อก่อนนำไปใช้ทุกครั้ง
สาเหตุของความผิดปกติของอสุจิและคุณภาพน้ำเชื้อ
1. สาเหตุที่มาจากพ่อพันธุ์
-
ความผิดปกติทางโครงสร้าง เช่น อัณฑะบวมหรือฝ่อ เป็นต้น
-
พ่อพันธุ์ที่ใช้อายุน้อยเกินไป (<8 เดือน) ยังไม่สมบูรณ์พันธุ์ ยังไม่พร้อมสำหรับการใช้งาน
-
พ่อพันธุ์ที่ใช้มีอายุมากกว่า 3 ปีขึ้นไป มักจะมีอสุจิที่มีลักษณะที่ผิดปกติมากขึ้น
2. สาเหตุที่มาจากโรคติดเชื้อและการป่วย
-
พีอาร์อาร์เอส (Porcine reproductive and respiratory syndrome)
-
โรคฉี่หนูหรือเลปโตสไปโรซิส (Leptospirosis)
-
โรคแท้งติดต่อหรือบรูเซลโลซิส (Brucellosis)
-
เชื้อแบคทีเรียที่ส่งผลให้คุณภาพน้ำเชื้อของพ่อหมูลดลง
-
โรคอหิวาต์สุกรทำให้อัณฑะฝ่อและสร้างอสุจิที่ผิดปกติมากขึ้น
-
สาเหตุอื่น ๆ ที่ทำให้พ่อพันธุ์ป่วยมีไข้ (อุณหภูมิร่างกายสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส) ทำให้เกิดความผิดปกติของน้ำเชื้อได้ทั้งแบบถาวรและแบบชั่วคราว ทำให้การเคลื่อนที่ของอสุจิลดลง ส่งผลให้เกิดความไม่สมบูรณ์พันธุ์
-
สาเหตุจากการจัดการที่ผิดพลาด
-
การลดปริมาณอาหารพ่อพันธุ์ทำให้ความกำหนัดลดลงและส่งผลถึงคุณภาพน้ำเชื้อ
-
การรีดน้ำเชื้อถี่/บ่อยเกินไป
-
สารพิษเชื้อราในอาหาร
-
ปริมาณน้ำไม่เพียงพอ
-
อุณหภูมิโรงเรือนที่สูงเกินไป (>22 องศาเซลเซียส) ทำให้อสุจิมีลักษณะที่ผิดปกติ
กระบวนการผลิตน้ำเชื้อเป็นขั้นตอนสำคัญที่ต้องอาศัยความละเอียดและความใส่ใจในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเลี้ยงดูแลพ่อพันธุ์ สภาพแวดล้อมโรงเรือนของพ่อพันธุ์ อาหารและโภชนาการ รวมไปถึงการจัดการต่าง ๆ ได้แก่ การฝึกรีดพ่อหนุ่ม ขั้นตอนการเก็บรีดน้ำเชื้อ การตรวจวิเคราะห์คุณภาพ ไปจนถึงการเจือจางและการเก็บรักษาอย่างถูกวิธี เพื่อให้ได้น้ำเชื้อที่มีคุณภาพสูงสุด พร้อมสำหรับการใช้งานในกระบวนการผสมเทียม ถ้าสามารถปฏิบัติตามขั้นตอนที่กล่าวมาได้จะช่วยให้มีอัตราผสมมติดมากกว่า98% ทางแอมโก้เวทหวังว่าบทความเรื่อง “เทคนิคการเตรียมน้ำเชื้อที่ดี” จะช่วยให้ผู้เลี้ยงสุกรสามารถนำเอาข้อมูลนี้ไปปรับใช้ และนำไปสู่การก้าวกระโดดในการเพิ่มประสิทธิภาพผลผลิตในฟาร์มของทุกท่านได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน