และมาตรฐาน
และตลอดไป
Danbred Breeding Goal 2024 DANBRED มีเป้าหมายในการพัฒนาปรับปรุงพันธุ์ เพื่อให้ผู้ผลิตสุกรได้รับผลกำไรสูงที่สุด โดยในปัจจุบันสุกรขุนแดนบรีดสามารถสร้างกำไรเพิ่มขึ้นต่อปีถึง 1.65 ยูโรต่อตัว (61.48 บาทต่อสุกรขุนต่อปี)และมีการปรับเป้าหมายในการพัฒนาสายพันธุ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและผลกำไรขึ้นอีกเป็น 2.79 ยูโรต่อสุกรขุน ( 103.96 บาทต่อตัวต่อปี ) พัฒนาประสิทธิภาพสุกรขุน อย่างต่อเนื่อง (Productivity) สุกรขุนสายพันธุ์ DANBRED ได้รับการยอมรับในระดับโลก ว่าสามารถให้ผลกำไรกับผู้เลี้ยงมากที่สุด ด้วยอัตราการ เจริญเติบโตต่อวันสูง ประสิทธิภาพการใช้อาหารเหนือกว่า และคุณภาพเนื้อที่มีคุณภาพ ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตลดลง จากการรายงานประสิทธิภาพสุกรขุนช่วง 30-110 กิโลกรัม ในประเทศเดนมาร์กในปี 2023 พบว่า สุกรขุน DANBRED มีอัตราการเจริญเติบโตต่อวัน(ADG) จาก 1,024 กรัมเป็น 1,037 กรัม เพิ่มขึ้น 13 กรัมต่อวัน เมื่อเทียบกับปี 2022 นอกจากนี้ ฟาร์มสุกรขุน DANBRED 5 อันดับแรกในประเทศเดนมาร์ก มี […]
จากผลการทดสอบคุณภาพซากสุกรขุน อายุ 23 สัปดาห์ ระหว่างสุกรสายพันธุ์ DANBRED กับสุกรสายพันธุ์อื่นจากเดนมาร์กผลลัพธ์คือ DANBRED มีคุณภาพซากเหนือกว่าและมีน้ำหนักเข้าเชือดสูงกว่าถึง 9.4 กก. ในระยะเวลาเลี้ยงเท่ากัน ♦ DANBRED สายพันธุ์ที่เหนือกว่าทั้งอัตราการเจริญเติบโต และคุณภาพซาก คุณภาพและปริมาณเนื้อแดง ได้เป็นเป้าหมายสำคัญในการปรับปรุงพันธุกรรมในสายพันธุ์แม่ของสุกรแดนบรีด (Landrace, Yorkshire, Duroc) มาตั้งแต่ปี 2017 และยังคงได้รับการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยความสำเร็จเกิดจากการวิเคราะห์ข้อมูลคุณภาพซากและการติดตามพันธุกรรมของสุกรขุนมากกว่า 20 ล้านตัว/ปี จาก DANISH CROWN ซึ่งเป็นรัฐวิสากิจโรงเชือดและตัดแต่งสุกรที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเดนมาร์ก จึงทำให้สุกรขุนจากแดนบรีดเป็นสุกรที่เหนือกว่าทั้งด้านคุณภาพและปริมาณเนื้อแดง รวมถึงเป็นสายพันธุ์ที่ให้กำไรสูงสุดกับผู้เลี้ยงและผู้แปรรูปเนื้อสุกร ♦ สุกรขุนแดนบรีด 130 กก. ซากสวย เนื้อแดงเยอะ ที่น้ำหนัก 130 กก. สุกรขุนแดนบรีด สามารถให้คุณภาพซากในระดับดีเยี่ยม โดยให้สัดส่วนเนื้อสันใน สันนอกและสามชั้น ปริมาณมาก ในทางกลับกันยังคงมีสัดส่วนไขมันเปลวและชั้นไขมันใต้ผิวหนังต่ำกว่าสุกรสายพันธุ์อื่นอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นผลจากการเน้นพัฒนาพันธุกรรมเพื่อคุณภาพเนื้ออย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้เลี้ยงสามารถเลี้ยงสุกรขุนถึงน้ำหนัก 130 กก.ได้ […]
จากผลการทดลองเลี้ยงจริงเพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพ การเจริญเติบโตของสุกรขุนระหว่างสุกรสายพันธุ์ DANBRED กับสุกรสายพันธุ์อื่นจากเดนมาร์ก สรุปได้ว่า สุกร DANBRED ให้ผลกำไรกับผู้เลี้ยงได้สูงที่สุดและมากกว่าสายพันธุ์อื่นถึง 523 บาทต่อตัว ♦ DANBRED มุ่งมั่นพัฒนาสายพันธุ์ที่เหนือกว่า “ผลลัพธ์และผลกำไรที่เหนือกว่าอย่างชัดเจน ถึงแม้จะมีต้นกำเนิดจากเดนมาร์กคล้ายกัน” เนื่องจาก DANBRED มุ่งเป้ายกระดับการผลิต ทั้งเรื่อง ลูกดกและพัฒนาประสิทธิภาพสุกรขุนไปพร้อมกัน ส่งผลให้ ADG, FCR และ FCG ของสุกรขุนดีขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยใช้เทคโนโลยีการคัดเลือก DNA เพื่อปรับปรุงและ พัฒนาสายพันธุ์จากการวิเคราะห์ข้อมูลสุกรพันธุ์ในระบบ มากกว่า 35 ล้านตัว อีกทั้งการเป็นองค์กรรัฐวิสาหกิจ ของประเทศเดนมาร์ก จึงทำให้ DANBRED มีเป้าหมาย ที่ชัดเจนและก้าวสู่การเป็นองค์กรระดับโลก ด้วยเงินลงทุน เพื่อวิจัยและพัฒนามากกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี ♦ แอมโก้เวท ยืนยัน ADG 1,100+ กรัม/วัน ทำได้จริง จากผลการทดลองเลี้ยงจริงล่าสุดในฟาร์มระบบปิดใน […]
เมื่อวันที่ 29-31 สิงหาคม 2567 บริษัท แอมโก้กรุ๊ป จำกัด ได้พาพนักงานไป Outing ที่โรงแรมแซนด์ ดูนส์ เจ้าหลาว บีช รีสอร์ท จังหวัดจันทบุรี มุ่งเน้นการพักผ่อน การสร้างแรงบันดาลใจและถือเป็นการเติมไฟในการทำงาน ให้กับพนักงานและยังได้มีกิจกรรม การฟื้นฟูระบบนิเวศในพื้นที่ป่าชายเลนที่แหลมแม่นกแก้ว จังหวัดจันทบุรี ให้กับพนักงานได้ร่วมปลูกป่าชายเลน เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เนื่องจากปัญหา Climate Change ในปัจจุบันส่งผลกระทบต่อธุรกิจเกษตรสูงกว่าธุรกิจอื่น ซึ่งการลดก๊าซเรือนกระจกที่ดีที่สุดรูปแบบหนึ่ง คือ การปลูกป่าชายเลนเพื่อดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งเป็นตัวการหนึ่งที่ทำให้เกิดภาวะเรือนกระจก นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมพิเศษคือปาร์ตี้ในธีม “AMCO OLYMPIC GAME” ผู้บริหารและพนักงานเข้าร่วมกิจกรรมอย่างสนุกสนาน ทั้งการแสดง การประกวดต่างๆ มีซุ้มกิจกรรมลุ้นรางวัล การรับประทานอาหารร่วมกัน มีการประกวดชุดปาร์ตี้ทั้งแบบทีมและแบบกลุ่ม สร้างความบันเทิงให้กับพนักงานอย่างมาก AMCOGROUP ยังยึดมั่นพันธกิจหลักในการส่งมอบ Integrate Solutions ที่ตอบโจทย์คู่ค้าได้อย่างครอบคลุมทุกความต้องการ และเป็นผู้นำในการฟื้นฟูธุรกิจฟาร์มสุกรให้กับเกษตรกรไทย ด้วยการแบ่งปันองค์ความรู้และทรัพยากร เพื่อช่วยให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง (Stakeholder) มีรายได้ที่มั่นคงและพัฒนาสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป
ด้วยสถานการณ์ภาวะโลกร้อนและภัยพิบัติต่าง ๆ ทางธรรมชาติ ทำให้ทั่วโลกได้ตระหนักรู้ถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ “คาร์บอนเครดิต” กลายมาเป็นสิ่งที่ถูกใช้กำหนดนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยด้วยเช่นกัน เพื่อมุ่งหวังที่จะช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทางภาคอุตสาหกรรม อีกทั้งยังเป็นสิ่งที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสำคัญ คาร์บอนเครดิตคืออะไร คาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) คือจำนวนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่กำหนดให้ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมสามารถปล่อยได้ต่อปี ก๊าซชนิดนี้เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดภาวะเรือนกระจก (Green House Effect) ซึ่งถ้าปล่อยก๊าซมลภาวะนี้น้อยกว่าเกณฑ์ที่กำหนด สามารถนำส่วนต่างไปจำหน่ายให้กับบริษัทอื่น ๆ ในภาคอุตสาหกรรมได้ ดังนั้นนโยบายการซื้อขายคาร์บอนเครดิตจึงกลายเป็นแรงจูงใจและยังเป็นส่วนหนึ่งของกลไกตลาด เพื่อโน้มน้าวให้ผู้ผลิตภาคอุตสาหกรรมรายใหญ่และโรงงานต่าง ๆ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ผู้ประกอบการหลาย ๆ แห่งมักจะทำโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปด้วย เพื่อเป็นการสร้างคาร์บอนเครดิตและช่วยให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศลดลง เช่น การปลูกต้นไม้คืนพื้นที่สีเขียวสู่สังคม เป็นต้น ความสำคัญของคาร์บอนเครดิตที่มีต่อภาคอุตสาหกรรม เมื่อผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมถูกกำหนดให้ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนดไว้ แต่ด้วยการผลิตขนาดใหญ่จำเป็นต้องปล่อยเกินปริมาณที่กำหนดไว้ตามเกณฑ์ คาร์บอนเครดิตจึงเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อภาคอุตสาหกรรม อันเปรียบเสมือนสิทธิการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ การซื้อคาร์บอนเครดิตจากผู้ประกอบการรายอื่น ๆ คล้ายกับการซื้อโควตาสิทธิที่จะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มให้เพียงพอกับการผลิตของตนเอง มิเช่นนั้นต้องจ่ายค่าปรับทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ส่วนผู้ประกอบการที่สามารถควบคุมปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ ทำให้มีส่วนต่างของปริมาณคาร์บอนที่ยังไม่ได้ปล่อยแล้วนำไปจำหน่ายให้กับผู้ประกอบการรายอื่นได้ โดยอยู่ภายในขอบเขตที่แต่ละประเทศกำหนดค่ามาตรฐานเอาไว้ ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมส่วนใหญ่จึงหันมาพัฒนากระบวนการผลิตแล้วเลือกใช้พลังงานสะอาดเพิ่มมากขึ้น คาร์บอนเครดิตซื้อได้ที่ไหน ราคาเท่าไร ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมสามารถหาซื้อคาร์บอนเครดิตได้จาก “ตลาดคาร์บอนเครดิต” (Carbon Market) เป็นแหล่งตัวกลางเพื่อแลกเปลี่ยนซื้อขายคาร์บอนเครดิต […]
ตลอดปี 2023 ที่ผ่านมา amcogroup ได้จัดกิจกรรมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมมากมายให้ความรู้แก่นักศึกษาตามสถาบัน สัญจรทำกิจกรรมตามภูมิภาคต่าง ๆ และอื่นๆอีกมากมาย เราได้รวบรวมภาพบรรยากาศตลอดปีมาให้ทุกคนได้ร่วมเติบโตไปกับเรา
จากสถิติในปี 2022 กว่า 22 ประเทศทั่วโลกมีอุณหภูมิสูงถึง 50 องศาเซลเซียสหรือมากกว่านั้น และในปีนี้มีการคาดการณ์ว่าอุณหภูมิจะเพิ่มสูงกว่าปีที่ผ่านมา อาจส่งผลให้ปัญหา “heat stress” หรือสภาวะความเครียดจากความร้อนของสุกรจะขยายเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน โดยภาวะนี้จะส่งผลกระทบอย่างมากในสุกรมากกว่าสัตว์ประเภทอื่น ๆ เนื่องจากสุกรไม่มีต่อมเหงื่อจึงไม่สามารถระบายความร้อนส่วนเกินออกจากร่างกายได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ยังส่งผลให้อัตราการเจริญเติบโตลดลง อัตราการป่วยตายสูงขึ้น อัตราการผสมติดต่ำ การกินอาหารได้ของสุกรลดลง ซึ่งปัญหาเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อการสูญเสียทางเศรษฐกิจในกลุ่มผู้ผลิตสุกรเป็นอย่างมาก ดังนั้นภาวะความเครียดจากความร้อนเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม เราสามารถจัดการและลดผลกระทบจากภาวะความเครียดจากความร้อน (heat stress) ในสุกร ได้ดังนี้ เพิ่มการระบายอากาศและใช้ความเร็วลมภายในโรงเรือนอย่างเหมาะสม การสร้างโรงเรือนแบบปิดและใช้ระบบควบคุมอุณหภูมิด้วยการระเหยน้ำ เช่น การทำความเย็นด้วยการระเหยน้ำที่เกิดจากความเร็วลม การเพิ่มไอน้ำและความชื้นในอากาศภายในโรงเรือน อุปกรณ์ในระบบต้องสะอาดและอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้อยู่เสมอ และหากเป็นไปได้ควรใช้น้ำเย็นในระบบ อุณหภูมิ อัตราการระบายอากาศ ความเร็วลม ความชื้นสัมพัทธ์ และปัจจัยอื่น ๆ ควรปรับให้เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศในแต่ละพื้นที่ จัดเตรียมน้ำสะอาดและน้ำเย็นในปริมาณที่เพียงพอ น้ำถือเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับสุกรและน้ำเย็นจะช่วยลดอุณหภูมิภายในร่างกายได้ โดยสุกรควรกินน้ำให้พอเหมาะกับการบริโภคอาหารเพื่อรักษาปริมาณการกินอาหารในช่วงฤดูร้อน การกินน้ำควรเพียงพอกับความต้องการของสุกรแต่ละอายุและวงรอบการผลิต โดยเฉพาะสุกรช่วงก่อนคลอด ช่วงเลี้ยงลูกรวมถึงช่วงสุกรขุน สัตว์ ปริมาณน้ำที่ต้องการ (ลิตร/วัน) อัตราการไหลของน้ำ (ลิตร/นาที) แม่เลี้ยงลูก 35-50 4 […]
ขณะนี้ผู้ผลิตสุกรทั่วโลกที่ใช้พันธุกรรมของสุกรสายพันธุ์ Danbred สามารถคาดหวังอัตราการรอดชีวิตของลูกสุกรได้สูงขึ้น เป้าหมายล่าสุดในการพัฒนาสายพันธุ์ Danbred คือการเพิ่มอัตราการรอดชีวิตของลูกสุกร ด้วยเริ่มด้วยสายพันธุ์ Duroc กล่าวคือ ในเดือนมกราคม 2023 อัตราการรอดชีวิตของลูกสุกรในฝูงที่ผลิตในเดนมาร์กคาดการณ์ว่าจะมีอัตราการรอดชีวิตในลูกสุกรเติบโตขึ้นสูงกว่าปีที่แล้ว 0.8% และคาดว่าในเดือนพฤษภาคมจะมีลูกสุกรที่รอดชีวิตเพิ่มขึ้นอีก 1% “เราได้เห็นผลลัพธ์ของเป้าหมายการปรับปรุงพันธุ์ใหม่อย่างรวดเร็วในกลุ่มพัฒนาสายพันธุ์สุกร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสายพันธุ์ Duroc เนื่องจากการปรับปรุงพันธุ์และประสิทธิภาพการผลิตใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือน เราจึงคาดว่าการเพิ่มขึ้นของอัตราการรอดชีวิตของลูกสุกรจะเริ่มแสดงให้เห็นในการผลิตในช่วงนี้แล้ว” Tage Ostersen หัวหนาแผนกการปรับปรุงสายพันธุ์ และพันธุศาสตร์ของสภาการเกษตรและอาหารแห่งเดนมาร์กกล่าว การเจาะลึก LP5 ที่เพิ่มขึ้น ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 เป็นต้นมา ปัจจัยของเป้าหมายของการพัฒนาสายพันธุ์ (Breeding Goal) ที่ส่งผลต่อการรอดชีวิตของลูกหมูที่เพิ่มขึ้น คือ LP5 (จำนวนลูกสุกรที่มีชีวิตรอดที่อายุ 5 วัน) ด้วยการมุ่งหน้าพัฒนา LP5 ทำให้ขนาดครอกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ด้วยเหตุนี้ เจ้าของฟาร์มสามารถลดฝูงแม่พันธุ์ลง แต่ให้ผลผลิตหรือจำนวนลูกหย่านมที่เท่าเดิมได้ ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2565 เราได้ปรับปรุงเป้าหมายในการพัฒนาสายพันธุ์ เพื่อรวมคุณลักษณะใหม่สำหรับการอยู่รอดของลูกสุกร ทำให้ LP5 ถูกแบ่งออกเป็นสามส่วน โดยทาง […]
การให้อาหารแม่สุกรแบบใหม่ที่ถูกวิธีสามารถช่วยเพิ่มลูกมีชีวิตมากขึ้น 1.7% หรือ 0.4 ตัวต่อครอก การให้อาหารแม่สุกรอุ้มท้องจนถึงหลังคลอดอย่างถูกวิธี ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากสำหรับผลผลิตของฟาร์มสุกรในปัจจุบัน โดยแม่สุกรควรได้รับพลังงานที่เพียงพอสำหรับกระบวนการคลอดและการฟื้นตัวของแม่สุกรหลังคลอดด้วย ซึ่งจากการทดลองล่าสุดจากสถาบัน Aarhus University และ SEGES innovation พบว่าการให้อาหารแม่สุกร ประมาณ 3.3 – 3.8 กิโลกรัมต่อวันในช่วงย้ายแม่สุกรขึ้นคลอด (อย่างน้อย 3 วันก่อนคลอด) จนถึงคลอด สามารถเพิ่มลูกมีชีวิตได้มากขึ้น 1.7% ยิ่งกินอาหารได้มากขึ้น ยิ่งทำให้ระยะเวลาการคลอดสั้นลง จากการศึกษาที่ผ่านมา จากสถาบัน Aarhus University และSEGES innovation ที่พบว่าไฟเบอร์จากบีทพัลป์ ในอาหารนั้นสำคัญสำหรับแม่สุกรโดยเฉพาะในกระบวนการคลอด วิธีการให้อาหารแบบใหม่ไม่เพียงแต่จะทำให้อัตราการรอดชีวิตของลูกสุกรมีมากขึ้น แต่ยังลดการช่วยคลอดหรือล้วงคลอด อีกทั้งช่วยฟื้นตัวหลังคลอดได้ดียิ่งขึ้น Camilla Kaae Højgaard หัวหน้าที่ปรึกษา SEGES Innovation. กล่าวว่า “ ณ ตอนนี้พวกเราแนะนำว่าควรให้อาหารแม่สุกร ประมาณ 3.3 – 3.8 กิโลกรัมต่อวัน นับตั้งแต่วันที่ย้ายแม่สุกรเข้าเล้าคลอดจนถึงคลอด […]
วันที่ 28 กันยายน 2566 บริษัท แอมโก้เวท จำกัด ได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ Jon Thorgaard เอกอัครราชทูตเดนมาร์กประจำประเทศไทย เชิญเข้าร่วมงาน “Danish Livestock and Food Processing Business Delegation” ท่านเป็นเจ้าภาพเปิดบ้านเลี้ยงต้อนรับคณะนักธุรกิจด้านปศุสัตว์จากประเทศเดนมาร์ก และประเทศไทย อีกทั้งยังถือโอกาสร่วมฉลองและลงนามแสดงความยินดีกับกระทรวงเกษตร อาหาร และการประมงของประเทศมาร์ก ในโอกาสที่เนื้อวัวและซากวัวจากเดนมาร์กนั้นได้ผ่านการอนุมัติให้ส่งออกมายังประเทศไทยได้ ภายในงานมีพาร์ทเนอร์ของเราจาก บริษัท Danbred , R2AGRO และ SKOV และเรียนเชิญลูกค้าของแอมโก้เวท เข้าร่วมงาน โดยมุ่งมั่นเพื่อต่อยอดความเป็นผู้นำด้านธุรกิจด้านปศุสัตว์ ด้วยสินค้าจากนวัตกรรมจากประเทศเดนมาร์ก
บริษัท แอมโก้เวท จำกัด จัดกิจกรรมสัมมนา “Innovative Transformation for Growth“ ปรับตัวเพื่อการเติบโตอย่างไร้ขีดจำกัดด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรมและองค์ความรู้ วันที่ 27 กันยายน 2566 เวลา 13.00 น. ณ Convention center intercontinental Bangkok ชั้น 4 สำหรับกิจกรรมแรก เป็นการจัดสัมมนาการแบ่งปันความรู้จากทีม Amcovet โดยวิทยากรผู้มาประสบการณ์ ในหัวข้อ ดังนี้ ธุรกิจปศุสัตว์ในปี 2030 การพัฒนาสายพันธุ์ทีไม่หยุดนิ่ง และ SMART FARMING จาก DANBRED แนวโน้มเศรษฐกิจไทย และเศรษฐกิจโลก ปี 2023 – 2024 การวางแผนธุรกิจครอบครัวให้อยู่รอดและเติบโตได้อย่างยั่งยืน> และการจัดสัมมนาการแบ่งปันความรู้จากทีม Amcopet โดยวิทยากรผู้มาประสบการณ์ ในหัวข้อ ดังนี้ Problem related to quality of […]